ผลสำรวจ “ของแพง” กับ “คนจน” ทำให้เงินไม่พอใช้

เศรษฐกิจ10-10-65

เมื่อทุกสิ่ง “แพง” รายได้เหมือนเดิม แต่ว่าค่าใช้จ่ายมากเพิ่มขึ้น อะไรที่ทำให้มีความรู้สึกว่าของแพงมากเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีความรู้สึกว่ารัฐบาลจะไขปัญหานี้ได้หรือเปล่า

เศรษฐกิจ10-10-65

ท่ามกลางสภาวะเงินเฟ้อและก็ผลิตภัณฑ์แพง ทำให้ชาวไทยจำต้องแบกรับภาระค่าใช้สอยเยอะขึ้น เพราะเหตุว่ารายได้ ค่าใช้จ่ายไม่เกี่ยวข้องกัน รวมทั้งจากการเปิดรับสมัครสมาชิก “บัตรผลประโยชน์ที่เมือง” หรือ “บัตรคนยากจน” รอบใหม่ในปี 2565 พบว่า “คนยากจน” ในประเทศไทยเพิ่มเป็น “20 ล้านคน” หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของมวลชนทั้งผอง ทำให้หลายข้างมีความหนักใจต่อเหตุการณ์ความแตกต่างทางด้านสังคม และก็เห็นว่า รัฐบาลจะปรับปรุงเรื่องคนยากจนมิได้ ( 77.32%) รวมทั้งเรื่องของแพงเช่นเดียวกัน เห็นว่าปรับปรุงมิได้ 59.23%

อะไรที่ทำให้ “มีความคิดว่าแพงขึ้น”

ชั้น 1 ค่าน้ำประปามัน ค่าใช้จ่ายสำหรับพาหนะ 82.96%
ชั้น 2 ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า 71.19%
ชั้น 3 แก๊สเหลว 66.38%
ชั้น 4 อาหารจานเดียว อาหารตามสั่ง 53.67%
ชั้น 5 วัตถุดิบสำหรับทำครัว 52.64%

จากที่กล่าววมา สามัญชนคิดเช่นไรกับกรณี “คนยากจน” ในประเทศไทยเพิ่มเป็น “20 ล้านคน” หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของสามัญชนทั้งสิ้น

ชั้น 1 ของแพงทำให้คนรวยไม่เพียงพอใช้ 80.38%
ชั้น 2 คนว่างงานเยอะขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีรายได้ 74.72%
ชั้น 3 เงินปริมาณเหมือนเดิม จ่ายตลาดได้ลดน้อยลง 70.47%
ชั้น 4 คนติดหนี้ติดสินมากขึ้น 67.64%
ชั้น 5 เศรษฐกิจไม่ดีเป็นระยะเวลานาน 65.57%

ราษฎรต้องการที่จะให้รัฐบาลปฏิบัติการเช่นไรเพื่อช่วยเหลือกรณีของแพง

ชั้น 1 ตรึงราคาผลิตภัณฑ์ ลดผลิตภัณฑ์ 85.73%
ชั้น 2 ลดภาษีน้ำมัน 68.43%
ชั้น 3 เสนอข้อมูลข้อเท็จจริง ไม่ปกปิด 56.52%
ชั้น 4 จัดโครงงานผลิตภัณฑ์ราคาไม่แพงช่วยเหลือราษฎร 54.35%
ชั้น 5 รีบออกมาตรการช่วยเหลือ ดังเช่น คนละครึ่ง ช่วยค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า 52.36%

พลเมืองอยากที่จะให้รัฐบาลปฏิบัติการเช่นไรเพื่อช่วยเหลือกรณี “คนยากจน”

ชั้น 1 สร้างช่องทาง สร้างรายได้ เน้นย้ำการพึ่งตัวเองได้ในระยะยาว 78.32%
ชั้น 2 ขจัดปัญหาอย่างเป็นจริงเป็นจังแล้วก็สม่ำเสมอ 77.19%
ชั้น 3 เห็นด้วยและก็หาสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาที่จริงจริง 66.54%
ชั้น 4 ทุกภาคส่วนร่วมมือกันขจัดปัญหา 63.15%
ชั้น 5 เพิ่มผลประโยชน์ช่วยเหลือดูแลด้านของสุขภาพ 59.10%

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จิตต์ใส เหมือนสุบรรณ คุณครูประจำคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต พูดถึงผลของการสำรวจว่า ในขณะนี้พสกนิกรได้รับผลพวงจากเหตุการณ์วัววิด-19 โดยยิ่งไปกว่านั้นระบบเศรษฐกิจรวมทั้งการว่าจ้าง ทำให้คนไม่มีงานทำมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีรายได้ หรือบางบุคคลถูกตัดลดเงินเดือน ก็เลยทำให้คนมีรายได้ไม่พอต่อรายการจ่ายของค่ายังชีพในชีวิตประจำวัน ซึ่งก็คือมีปริมาณคนยากจนเพิ่มมากขึ้นนั้นเอง เมื่อ “รายได้ลดน้อยลง” แม้กระนั้น “ของแพงขึ้น” ก็เลยทำให้เงินที่มีอยู่น้อยเกินไปในการเลี้ยงปาก ท้องในทุกๆวัน จากปัญหาแม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือค่ายังชีพของประชากรอยู่หลายโครงงาน ซึ่งเป็นการจัดการกับปัญหาระยะสั้น

ด้วยเหตุนั้นการจัดการกับปัญหาระยะยาวโดยยิ่งไปกว่านั้นคิดแผนสำหรับในการขจัดปัญหาเชิงส่วนประกอบทั้งยังระบบเกิดเรื่องที่ท้า
รัฐบาลชุดนี้เพื่อเป็นผลอย่างเป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน โดยสิ่งจำเป็นจำเป็นที่จะต้องทำงานโดยตลอดโดยมีการเปลี่ยนแปลงกลไกรวมทั้งกระบวนการสำหรับในการขจัดปัญหาให้ใส่รับกับบริบทด้านเศรษฐกิจแล้วก็สังคมในขณะนี้ สำหรับความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่ว่า “30ก.ย. 2565 คนยากจนจะหมดไป”ในวันนี้ก็ยังมองไม่เห็นผลที่เด่นชัด ก็เลยเกิดเรื่องที่จะต้องหากรรมวิธีการแก้จนถึงกันถัดไป